ไฟเขียวเพิ่มงบ Cybersecurity

เป็นความจริงที่ว่าความปลอดภัยขององค์กรแปรผันตรงกับการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ยิ่งองค์กรลงทุนมากเท่าใดก็ยิ่งมีความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามได้มากเท่านั้น ถ้าจะพูดให้เห็นภาพหากองค์กรมีเกราะป้องกันมาปกปิดช่องโหว่ของระบบมาก ก็มีโอกาสมากที่แฮกเกอร์จะไม่เลือกโจมตีหรือโจมตีไม่สำเร็จครับ

 PwC หนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายงานว่า 55% ของผู้บริหารระดับสูงด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยไซเบอร์วางแผนเพิ่มงบประมาณปี 2021 อันเป็นสาเหตุมาจากการเพิ่มสูงของจำนวนข้อมูลรั่วไหล และสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้องค์กรต้องเปลี่ยนแปลงระบบที่ใช้ในการทำงานต่างๆอย่างรวดเร็ว และเมื่อการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ดูจะต้องดำเนินไปอีกนานและน่าจะส่งผลให้เกิดการโจมตีที่สูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้องค์กรในหลายภาคธุรกิจต้องการยกระดับการป้องกันให้สูงขึ้น

Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก ได้ทำการสำรวจโครงการต่างๆในปี 2021 ที่ฝ่าย IT มีการใช้จ่ายพบว่ามีมูลค่ารวมราวๆเกือบ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นราว 6.2% เนื่องด้วยระบบต่างๆที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่บ้านกลายเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน นั่นทำให้ทางทีมรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ต้องลงทุนในระบบต่างๆมากขึ้นเพื่อรองรับรูปแบบการทำงานนี้

มีการคาดการณ์ว่า การทำงานที่บ้านหรือการทำงานแบบผสมระหว่างทำที่บ้านกับทำที่บริษัทจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผลสำรวจของ Enterprise Technology Research (ETR) พบว่า ผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินใจในการลงทุนด้าน IT คาดว่าจะมีการทำงานระยะไกลเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าในปีนี้ เพราะองค์กรต่างๆได้พยายามปรับตัวให้รองรับการทำงานลักษณะนี้ เห็นได้จากการที่องค์กรใช้บริการ Software as a Service (SaaS) ซึ่งก็คือการใช้ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงโปรแกรมต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ต และ Cloud Computing บริการที่ครอบคลุมถึงการใช้กำลังประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆผ่านผู้ให้บริการ มารองรับการทำงานให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

เหตุการณ์ที่ SolarWinds ถูกโจมตีในปลายปี 2020 ทำให้เกิดแรงสะท้อนต่อเนื่องไปยังเหตุการณ์ของ Microsoft Exchange Server ส่งผลให้องค์กรต่างๆตระหนักว่า ช่องโหว่ต่างๆควรได้รับการจัดการ ซึ่ง 20% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทั่วโลกและผู้บริหารต่างวางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ในขณะที่ทางหน่วยงานรัฐบาลในบางประเทศก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้จนมีการรวบรวมเงินมูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรักษาความปลอดภัยและปรับปรุงเทคโนโลยีของรัฐบาลเอง

การรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ และการขยายตัวทางดิจิตอลต้องเติบโตไปพร้อมๆกัน การสร้างระบบที่ไม่มีการป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เปรียบเสมือนกับผลไม้ที่ออกดอกออกผลอยู่บนกิ่งไม้เตี้ยๆ เป็นของหวานสำหรับอาชญากรไซเบอร์ที่มีมากมายในปัจจุบัน เพราะสามารถฉกฉวยไปกินหรือทำลายได้โดยง่าย ดังนั้นองค์กรจะต้องลงทุนในบุคลากร แพลตฟอร์ม และกลยุทธ์การป้องกัน เพื่อรักษาความปลอดภัยของระบบอย่างเหมาะสมทันทีก่อนจะกลายเป็นผลไม้ปลายกิ่ง เป็นเป้านิ่งที่ทำให้แฮกเกอร์เลือกเก็บกินนะครับ